คลีนซิ่ง

คลีนซิ่ง ทางออกของทุกความสะอาด

ล้างหน้าสะอาดแล้ว ทำไมยังมีสิวอยู่!? เชื่อว่าคำถามนี้คงเคยเกิดขึ้นในใจใครหลายคนมาแล้วว่ามันผิดที่เรา ผิดที่น้ำเปล่า หรือผิดพลาดที่ตรงไหนกันแน่ คำตอบที่พอจะคลายความสงสัยนั้นลงไปได้ก็คือ ไม่ผิดที่ใคร ก็แค่หน้าเรายังไม่สะอาดพอ เพราะบางครั้งเครื่องสำอางหรือมลภาวะเกาะติดกับหน้าของคนเราแน่นเกินไป จนน้ำเปล่าไม่สามารถชำระล้างได้หมดจด เลยต้องมีตัวช่วยดี ๆ อย่าง คลีนซิ่ง (Cleansing) มาช่วยกู้หน้าให้กลับมาสดใสเหมือนเดิม

คลีนซิ่งสำคัญอย่างไร

คลีนซิ่ง คือ ผลิตภัณฑ์เช็ดล้างเครื่องสำอางและมลภาวะ เช่น ฝุ่น ควัน ละอองน้ำเสีย ฯลฯ ที่ฝังแน่นอยู่บนผิวหนังของคนเราให้หลุดออกไป เพื่อทำให้ขั้นตอนการล้างหน้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ห่างไกลการเป็นสิว และมีผิวพรรณที่สดใส เพราะน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวอาจเอาไม่อยู่ โดยเฉพาะกับคนที่ต้องแต่งหน้าจัดเต็มทุกวัน ต้องเจอมลภาวะหนัก หรือเป็นสิวได้ง่าย ยิ่งควรค้องมีคลีนซิ่งเป็นอาวุธคู่กาย ชนิดที่ว่าถ้าน้ำเปล่าเป็นมือซ้าย คลีนซิ่งก็ต้องเป็นมือขวา

คลีนซิ่งแบบไหนที่ใช่สำหรับเรา

ตอนนี้ในตลาดความงามมีคลีนซิ่งอยู่หลายประเภท เพื่อตอบโจทย์ความหลากหลายของสภาพผิว มาดูกันว่าแต่ประเภทเหมาะกับใครกันบ้าง

1. คลีนซิ่งน้ำ

ลักษณะเป็นน้ำใส ๆ ส่วนใหญ่จะไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (Oil-free) หรือถ้ามีก็มีน้อยมาก จึงไม่ทำให้เหนอะหนะผิว และไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวหน้า หลังใช้จะให้ความรู้สึกว่าผิวสดชื่น อิ่มน้ำ หน้าไม่แห้งหรือตึง เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนผิวมัน อย่างไรก็ตามประเภทนี้ไม่เหมาะกับวันที่แต่งหน้าจัดเต็มหรือใช้เครื่องสำอางที่เสียงอุดตันผิว เพราะไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันหรือมีน้อย จะทำให้เช็ดล้างได้ไม่เกลี้ยง

2. คลีนซิ่งออยล์

คลีนซิ่งขวัญใจสาว ๆ ในวันที่แต่งหน้าแน่น เพราะชื่อก็บอกแล้วว่ามีส่วนประกอบของน้ำมัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางแบบไหนก็เอาอยู่ เช็ดเกลี้ยงแม้สูตรกันน้ำ เหมาะอย่างยิ่งกับคนผิวแห้ง เพราะจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ส่วนคนที่มีสิวควรหลีกเลี่ยง เพราะน้ำมันจากคลีนซิ่งอาจไปกระตุ้นให้สิวอักเสบได้

3. คลีนซิ่งน้ำนม

เป็นคลีนซิ่งที่เนื้อสัมผัสอ่อนโยนเหมือนน้ำนม มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ น้ำมัน และบางแบรนด์อาจผสมน้ำนมลงไปจริง ๆ ด้วย คลีนซิ่งประเภทนี้จะรู้จักกันดีในแง่ของการทำความสะอาดและบำรุงผิวไปพร้อม ๆ กัน เหมาะสำหรับคนผิวผสม ผิวแห้ง และผิวธรรมดา ยกเว้นคนผิวมันเพราะอาจทำให้รู้สึกเหนียวหน้าได้

4. คลีนซิ่งเจล

เนื้อเจลจะบางเบา จึงเหมาะกับวันสบาย ๆ ที่แต่งหน้าเบา ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะมีส่วนประกอบที่ค่อนข้างอ่อนโยน จึงเหมาะกับผิวแพ้ง่ายเป็นพิเศษ แต่ผิวอื่น ๆ ก็ใช้ได้เหมือนกัน

ข้อควรรู้ : แต่ละแบรนด์มีส่วนประกอบที่ต่างกันไป คนที่ผิวแพ้ง่ายควรอ่านฉลากให้ชัดเจนก่อนซื้อ

5. คลีนซิ่งครีม

เหมาะสำหรับคนผิวแห้งที่ต้องการเติมความชุ่มชื้นให้ใบหน้ามากเป็นพิเศษ ผิวสัมผัสเป็นเนื้อครีม จะรู้สึกหนักหน้ากว่าคลีนซิ่งแบบอื่น เลยไม่ค่อยนิยมกันเท่าไหร่

6. คลีนซิ่งบาร์ม

เช็ดเครื่องสำอางได้ดีพอ ๆ กับแบบออยล์ แต่ปราศจากความมัน ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดผิว เหมาะกับทุกสภาพผิวเลย และถ้ากลัวจะใช้ยาก สามารถเอาบาล์มไปแตะน้ำนิดหน่อยเพื่อให้ใช้ง่ายขึ้นได้

7. คลีนซิ่งแผ่น

ด้วยความที่เป็นแผ่น มีขนาดจำกัด จึงเหมาะแค่การพกพาไปใช้ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ควรใช้ถาวรเหมือนคลีนซิ่งตัวอื่น เพราะทำความสะอาดได้ไม่ดี และอาจทำให้ผิวหน้าอักเสบหรือเกิดสิวได้ เนื่องจากต้องเช็ดไปมาหลายครั้งถึงจะเกลี้ยง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับสาระน่ารู้ที่นำมาฝากกันในครั้งนี้ หวังว่าจะช่วยใหสาว ๆ เลือกใช้คลีนซิ่งได้เหมาะสม และล้างหน้าได้สะอาดหมดจดกันมากขึ้นนะ